พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อโต) พระนอนกลางแจ้งแห่งพระนครศรีอยุธยา

พระพุทธไสยาสน์ 

อีกหนึ่งที่สุดในไทยที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับเรื่องราวของ พระพุทธไสยาสน์ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปปางไสยาสน์ คู่บ้านคู่เมืองของชาวพระนครศรีอยุธยาและของชาวไทยเราทุกคน มีให้สักการะได้ที่ วัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เท่านั้น

พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อโต) วัดสะตือ
วัดสะตือ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2400 โดยหลวงพ่อโต หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี และยังมีเรื่องราวที่เล่าบอกต่อกันมาว่า หลวงพ่อโตเอง ก็ได้เกิดที่วัดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

วัดสะตือ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือคนต่างจังหวัด หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ เพราะนอกจากความงดงามขององค์พระนอนที่สวยงามสะดุดตา ยังมีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ จึงมีผู้คนแห่แหนเข้ามากราบไหว้นมัสการอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดจะมีประชานหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้ขอพรกันอย่างเนืองแน่น อีกทั้งยังมีพิธีแก้บนในรูปแบบต่างๆ แล้วแต่การบนบานสานกล่าว หรือสัจจะคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับองค์ท่าน สิ่งต่างๆเหล่านี้ถูกซ่อนเร้นด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และยังสร้างความคึกครื้นให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจเรียกได้ว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีคนมารำแก้บน พร้อมแตรวงมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศก็ว่าได้

พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อโต) วัดสะตือ มีความยาว 52 เมตร สูง 16 เมตร ก่อด้วยอิฐถือปูน มีเรื่องเล่าว่าในสมัยอดีตทางวัดเคยสร้างหลังคาให้องค์หลวงพ่อ แต่ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง ทำให้ไม่สามารถสร้างสำเร็จได้ และมีอยู่ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านบางคนมาบอกกับทางวัดว่า หลวงพ่อโตได้มาเข้าฝันบอกว่า ท่านไม่ชอบให้สร้างหลังคา นับจากนั้นมาแนวคิดการสร้างหลังคาให้องค์หลวงพ่อจึงไม่เกิดขึ้นอีกจนกระทั่งปัจจุบันนี้

อ้างอิงจาก : เดลินิวส์ออนไลน์

ภาพจาก : www.watsatue.com


“พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์” ใหญ่ที่สุดในโลก

พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์

อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์! ที่มีอยู่ในเมืองไทยของเรานี่เอง แต่ต้องขอกบอกไว้ก่อนว่า “ตัวผมเองยังไม่มีโอกาสได้ไปสักการะ” แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝัน นั่นก็คือ “พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา เขาชีจรรย์” เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก ในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2543

“พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปแกะสลักด้วยเลเซอร์บนหน้าผาเขาชีจรรย์  วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  อ.บางละมุง  จ.ชลบุรี ว่า " พระพุทธมหาวชิร  อุตตโมภาสศาสดา " ซึ่งมีความหมายว่า "พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่าง ประเสริฐดุจดังมหาวชิระ" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ด้วยขนาดความสูง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัวบัลลังก์สูง 21 เมตร รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร โดยลายเส้นแกะสลักลงในเนื้อหินเป็นร่องลึก ขนาดความกว้าง 30-40 เซนติเมตร ลึก 10 เซนติเมตร ฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุเพื่ออัญเชิญประดิษฐานในพระอุระพระพุทธรูป และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นองค์ประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเบิกพระเนตร เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2544 ที่สุดวันที่ 16 ธันวาคม 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ รับการน้อมเกล้าถวาย พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ณ หน้าผาเขาชีจรรย์ และพระพุทธรูปแกะสลักองค์นี้ เป็นเสมือนแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นบรมศาสดาแห่งศาสนาพุทธ ซึ่งจะเป็นถาวรวัตถุที่ยืนยงคงอยู่ตลอดไป และที่สำคัญเป็นการน้อมเกล้าฯ  ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ที่เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ พระพุทธรูปองค์นี้ จึงเป็นเสมือนการรวมเอาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมั่นคง

พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ มีความแตกต่างจากพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาองค์อื่นๆทั่วไปนั่นก็คือ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักไว้ที่หน้าผา และเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของประเทศไทยที่แกะสลักเป็นรูปองค์พระด้วยลายเส้น อีกทั้งยังเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตำแหน่งองค์พระมุ่งหน้าตรงไปยังมณฑปของวัดญาณสังวรารามอย่างน่ามหัศจรรย์ สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดจากระยะไกล นอกจากนี้แล้วยังเป็นพระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้นเซาะร่อง ไม่ใช่พระพุทธรูปแบบนูนสูงตามหน้าผาทั่วๆไป รวมทั้งเป็นพระพุทธรูปที่ออกแบบองค์พระบนหน้าผาด้วยระบบแสงเลเซอร์เป็นภาพลายเส้นผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังหน้าผาเป็นครั้งแรก นับเป็นความน่าอัศจรรย์ของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสมผสานกับศิลปะอันงดงามของไทย เปิดให้เข้าสักการะเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น.- 18.00 น. แต่สำหรับท่านที่ต้องการไปสักการะเยี่ยมชมควรแต่งกายสุภาพ งดเสียงดัง ไม่ควรเข้าใกล้องค์พระเกินกว่าที่กำหนดไว้ เพราะอาจเกิดอันตรายจากหินที่อาจล่วงหล่นลงมาได้ และที่สำคัญควรปฏิบัติตามป้ายเตือนต่างๆอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ