พระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร


พระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร
ณ ปัจจุบันนี้ พระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร ถือว่าเป็นพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประดิษฐาน ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ มีความยาว 26 วา 1 ศอก 9 นิ้ว กว้าง 3 วา 1 ศอก คือ ตั้งแต่ปลายพระเกศถึงพระบาท ยาว 52 เมตร 50 เซนติเมตร กว้าง 7 เมตร สร้างโดยพระครูพิสารวุฒิกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลางรูปปัจจุบัน เมื่อปีพ.ศ. 2521 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2544 ด้วยแรงบันดาลใจในการสร้างพระนอนท่านพระครูเล่าให้ฟังว่า จากประสบการณ์ที่อยู่ในสมณะเพศและได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ จึงเกิดความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการสร้างกุศล และให้เป็นที่สักการะของประชาชนและเพื่อดึงดูดแรงศรัทธาให้คนมาทำบุญที่วัดมากๆเหมือนกับวัดอื่นๆ ที่ท่านได้เคยพบเห็นมาพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ที่เห็นอยู่นี้ มีห้องโถงภายในเป็นห้องปฏิบัติกรรมฐาน อีกทั้งยังมีภาพเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวนรก สวรรค์ เรื่องราวของเทวดา และเรือสำเภาหน้าวัดด้านริมคลองสำโรง อีกทั้งยังมีอวัยวะภายใน โดยเฉพาะในส่วนของพระอุระขององค์พระที่บรรจุด้วยเพชรนิล จินดา น้ำพันจันทร์ และทองคำต่างๆมากมาย เพื่อสื่อความหมายให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความศักดิ์สิทธิ์ เป็นนัยน์ที่ว่า “ประชาชนคนใดที่ได้มาปิดทองที่หัวใจพระนอนองค์นี้ ก็เปรียบเสมือนได้ปิดทองหัวใจขององค์พระพุทธเจ้า” นั่นเองครับ

ชมวีดีโอ..คลิกที่นี่


ขอบคุณภาพจาก : www.manager.co.th

พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อโต) พระนอนกลางแจ้งแห่งพระนครศรีอยุธยา

พระพุทธไสยาสน์ 

อีกหนึ่งที่สุดในไทยที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ เกี่ยวกับเรื่องราวของ พระพุทธไสยาสน์ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปปางไสยาสน์ คู่บ้านคู่เมืองของชาวพระนครศรีอยุธยาและของชาวไทยเราทุกคน มีให้สักการะได้ที่ วัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เท่านั้น

พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อโต) วัดสะตือ
วัดสะตือ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2400 โดยหลวงพ่อโต หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี และยังมีเรื่องราวที่เล่าบอกต่อกันมาว่า หลวงพ่อโตเอง ก็ได้เกิดที่วัดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

วัดสะตือ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือคนต่างจังหวัด หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ เพราะนอกจากความงดงามขององค์พระนอนที่สวยงามสะดุดตา ยังมีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ จึงมีผู้คนแห่แหนเข้ามากราบไหว้นมัสการอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดจะมีประชานหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้ขอพรกันอย่างเนืองแน่น อีกทั้งยังมีพิธีแก้บนในรูปแบบต่างๆ แล้วแต่การบนบานสานกล่าว หรือสัจจะคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับองค์ท่าน สิ่งต่างๆเหล่านี้ถูกซ่อนเร้นด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และยังสร้างความคึกครื้นให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจเรียกได้ว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีคนมารำแก้บน พร้อมแตรวงมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศก็ว่าได้

พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อโต) วัดสะตือ มีความยาว 52 เมตร สูง 16 เมตร ก่อด้วยอิฐถือปูน มีเรื่องเล่าว่าในสมัยอดีตทางวัดเคยสร้างหลังคาให้องค์หลวงพ่อ แต่ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง ทำให้ไม่สามารถสร้างสำเร็จได้ และมีอยู่ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านบางคนมาบอกกับทางวัดว่า หลวงพ่อโตได้มาเข้าฝันบอกว่า ท่านไม่ชอบให้สร้างหลังคา นับจากนั้นมาแนวคิดการสร้างหลังคาให้องค์หลวงพ่อจึงไม่เกิดขึ้นอีกจนกระทั่งปัจจุบันนี้

อ้างอิงจาก : เดลินิวส์ออนไลน์

ภาพจาก : www.watsatue.com


“พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์” ใหญ่ที่สุดในโลก

พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์

อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่น่าอัศจรรย์! ที่มีอยู่ในเมืองไทยของเรานี่เอง แต่ต้องขอกบอกไว้ก่อนว่า “ตัวผมเองยังไม่มีโอกาสได้ไปสักการะ” แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝัน นั่นก็คือ “พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา เขาชีจรรย์” เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก ในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2543

“พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปแกะสลักด้วยเลเซอร์บนหน้าผาเขาชีจรรย์  วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  อ.บางละมุง  จ.ชลบุรี ว่า " พระพุทธมหาวชิร  อุตตโมภาสศาสดา " ซึ่งมีความหมายว่า "พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรือง สว่าง ประเสริฐดุจดังมหาวชิระ" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ด้วยขนาดความสูง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัวบัลลังก์สูง 21 เมตร รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร โดยลายเส้นแกะสลักลงในเนื้อหินเป็นร่องลึก ขนาดความกว้าง 30-40 เซนติเมตร ลึก 10 เซนติเมตร ฝังด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองเต็มร่อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุเพื่ออัญเชิญประดิษฐานในพระอุระพระพุทธรูป และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นองค์ประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเบิกพระเนตร เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2544 ที่สุดวันที่ 16 ธันวาคม 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ รับการน้อมเกล้าถวาย พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ณ หน้าผาเขาชีจรรย์ และพระพุทธรูปแกะสลักองค์นี้ เป็นเสมือนแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นบรมศาสดาแห่งศาสนาพุทธ ซึ่งจะเป็นถาวรวัตถุที่ยืนยงคงอยู่ตลอดไป และที่สำคัญเป็นการน้อมเกล้าฯ  ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ที่เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ พระพุทธรูปองค์นี้ จึงเป็นเสมือนการรวมเอาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมั่นคง

พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ มีความแตกต่างจากพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาองค์อื่นๆทั่วไปนั่นก็คือ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักไว้ที่หน้าผา และเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของประเทศไทยที่แกะสลักเป็นรูปองค์พระด้วยลายเส้น อีกทั้งยังเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตำแหน่งองค์พระมุ่งหน้าตรงไปยังมณฑปของวัดญาณสังวรารามอย่างน่ามหัศจรรย์ สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดจากระยะไกล นอกจากนี้แล้วยังเป็นพระพุทธรูปแกะสลักแบบลายเส้นเซาะร่อง ไม่ใช่พระพุทธรูปแบบนูนสูงตามหน้าผาทั่วๆไป รวมทั้งเป็นพระพุทธรูปที่ออกแบบองค์พระบนหน้าผาด้วยระบบแสงเลเซอร์เป็นภาพลายเส้นผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังหน้าผาเป็นครั้งแรก นับเป็นความน่าอัศจรรย์ของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสมผสานกับศิลปะอันงดงามของไทย เปิดให้เข้าสักการะเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น.- 18.00 น. แต่สำหรับท่านที่ต้องการไปสักการะเยี่ยมชมควรแต่งกายสุภาพ งดเสียงดัง ไม่ควรเข้าใกล้องค์พระเกินกว่าที่กำหนดไว้ เพราะอาจเกิดอันตรายจากหินที่อาจล่วงหล่นลงมาได้ และที่สำคัญควรปฏิบัติตามป้ายเตือนต่างๆอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ


อัศจรรย์! ไม้กลายเป็นหินอายุกว่า 800,000 ปี

ไม้กลายเป็นหินอายุกว่า 800,000 ปี

เข้าชมวีดีโอได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=HMPs76xu1hc

ไม้กลายหิน (ภาพในอดีตก่อนปรับปรุงสถานที่)
ไม้กลายเป็นหิน

ต้นไม้ที่เห็นอยู่นี้วัดขนาดความโตได้ 1.80 เมตร มีความยาวหรือความสูง 72.22 เมตร กลายสภาพเป็นหินอย่างน่าอัศจรรย์! ถูกฝังอยู่ใต้ดินนานกว่า 800,000 ปี ได้ทำการขุดเปิดหน้าดินเมื่อปีพ.ศ. 2546 เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผมได้มาจากเอกสารประกอบการท่องเที่ยวที่ทางวนอุทยานไม้กลายเป็นหิน จังหวัดตาก ได้จัดทำเอาไว้เป็นคู่มือสำหรับนักท่องเที่ยว เห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์! หาดูยาก! จึงเก็บภาพมาฝากกันครับ

วนอุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหินจังหวัดตาก คืออีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดตาก และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของจังหวัด ตั้งอยู่ในเขตหมู่ที่ 7 ตำบลตากออก อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สลิด-โป่งแดง บริเวณกิโลเมตรที่ 443 บนทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ซึ่งทางเข้าชมวนอุทยานไม้กลายเป็นหินจะตั้งอยู่ตรงกันข้ามโรงพยาบาลบ้านตาก ห่างจากถนนพหลโยธินประมาณ 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น

วนอุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นหิน ปรับปรุงสถานที่ล่าสุด 20104
การเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยว
จากถนนพหลโยธินตรงกิเมตรที่ 443 ตรงทางหลวงหมายเลข 1 เข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร คุณจะได้พบกับซากต้นไม้ดึกดำบรรพ์อายุกว่าแปดแสนปี ที่กลายเป็นแท่งหินขนาดยักษ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์! ด้วยความยาวของลำต้นกว่า 72.22 เมตร หรือสูงราวๆตึก 12 ชั้น ถูกฝังไว้ใต้พื้นดินนานกว่าแปดแสนปี ทั้งหมดนี้มีให้สัมผัสได้ที่อุทยานไม้กลายเป็นหิน ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชจังหวัดตาก และพื้นที่ ที่มีการสำรวจพบ Fossil ดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สลิดโป่งแดง ท้องที่หมู่ 7 ต.ตากออก อ.บ้านตาก จ.ตาก (ถนนพหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 1 กม.ที่ 443) จากข้อมูลของทางวนอุทยานได้ระบุเอาไว้ว่า “ไม้กลายเป็นหิน” ต้นที่เห็นอยู่นี้ เป็น Fossil ดึกดำบรรพ์ที่จัดอยู่ในยุคควอเทอร์นารี (Quaternary Period ) ซึ่งเป็นช่วงเวลาทางธรณีวิทยาเมื่อประมาณ 1.6 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งภายในอุทยานไม้กลายเป็นหินแห่งนี้ ได้มีการสำรวจพบไม้กลายเป็นหินทั้งหมดจำนวน 7 ต้น มีสภาพความสมบูรณ์ที่แตกต่างกันออกไป ซากดึกดำบรรพ์ไม้กลายเป็นหินที่เห็นอยู่ในภาพนี้ เป็นไม้กลายเป็นหินต้นที่ 1 มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดและโตที่สุดในบรรดาไม้กลายเป็นหินทั้งหมด (7ต้น) โดยวัดขนาดความโตได้ 1.8 เมตร ความยาวของลำต้น 72.22 เมตร หรือสูงราวๆตึก 12 ชั้น ขุดเปิดหน้าดินเมื่อปีพ.ศ. 2546 และที่ผมสงสัยก็คือต้นไม้ขนาดยักษ์นี้กลายเป็นหินได้อย่างไร? และก็ได้คำตอบจากทางวนอุทยานอีกเช่นเคย มีรายละเอียดดังนี้ครับ

ไม้กลายเป็นหิน
ไม้กลายเป็นหิน จัดว่าเป็น Fossil ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยเกิดจากซากต้นไม้ ซึ่งถูกแทนที่ด้วยน้ำตาล ซึ่งมีสารละลายของซิลิก้า และเกิดจากการตกตะกอน กลายสภาพเป็นหินอย่างช้าๆ คือการแทนที่แบบโมเลกุล จนกระทั่งกลายเป็นหินในที่สุด โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและโครงสร้างอีกเลย
ซึ่งโดยปกติแล้วซิลิก้าในเนื้อไม้จะมีอยู่ในรูปของโอปอล์และคาซิโดนี ทำให้มีสีสันที่หลากหลายสวยงาม ซึ่งลักษณะการเกิดของไม้กลายเป็นหินเช่นนี้จะทำให้สภาพรูปร่างและโครงสร้างดั้งเดิมของต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นวงปี เปลือก ราก กิ่ง และหน่อยังคงอยู่ในสภาพให้เห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน

ไม้กลายเป็นหิน มักฝังตัวอยู่ในชั้นกรวดคาดว่าจะเกิดสะสมตัวอยู่ในยุคของควอเทอร์นารีตอนต้น เป็นบริเวณรอยต่อระหว่างตะกอนพักระดับสูง และตะกอนพักระดับปานกลาง ล้อมรอบด้วยตะกอนพักระดับต่ำๆ อายุประมาณแปดแสนปี
ทั้งหมดนี้มีให้คุณสัมผัสได้ ณ เมืองแห่งเกียรติภูมิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัดตากครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- วนอุทยานแห่งชาติไม้กลายเป็นจังหวัดตาก
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก โทร.0-5551-4341-3, Email Address : tattak@tat.or.th

ยุคควอเทอร์นารี คืออะไร?

ยุคควอเทอร์นารี (Quaternary Period ) เป็นช่วงเวลาทางธรณีวิทยาเมื่อประมาณ 1.6 ล้านปีที่ผ่านมา เป็นยุคที่สองที่อยู่ในมหายุคซีโนโซอิก (Cenozoic Era) แบ่งออกได้เป็น 2 สมัย คือ สมัยไพลสโตซีน (Pleistocene Epoch) มีอายุประมาณตั้งแต่ 1.6 ล้านปีจนถึง 10,000 ปี และสมัยโฮโลซีน (Holocene Epoch) มีอายุประมาณตั้งแต่ 10,000 ปีจนถึงปัจจุบัน ยุคนี้ได้ประมวลเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาตลอดจนการสะสมของตะกอนดินทรายบนผิวโลก นับตั้งแต่สิ้นยุคเทอร์เชียรี (Tertiary Period ) เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หินที่เกิดในยุคนี้เรียกว่า หินยุคควอเทอร์นารี ครับผม


อ้างอิงจาก: http://th.wikipedia.org/wiki/ควอเทอร์นารี

สักการะศาลพระเจ้าตาก เพิ่มสิริมงคล



ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
หากคุณได้มีโอกาสมา “เที่ยวเมืองตาก”  เพื่อความเป็นสิริมงคล และให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย ต้องหาโอกาสแวะมานมัสการขอพรจากองค์ท่านครับ “พระเจ้าตากสินมหาราช”  ผู้กอบกู้แผ่นดินไทยและสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ลูกหลานไทย และปกปักรักษาลูกหลานผู้ที่สัญจรผ่านไปมา หากได้ไปกราบไหว้นมัสการขอพร ต่างสมตามความมุงมาดปรารถนาทุกรายไป
พระเจ้าตากสิน
“ศาลพระเจ้าตาก” เป็นศาลเก่าแก่ตั้งอยู่ที่สี่แยกจรดวิถีถ่อง ตัดกับถนนมหาดไทยบำรุงใกล้ศาลากลางจังหวัด เป็นที่สักการบูชาของคนเมืองตากและประชาชนทั่วไปที่ผ่านไปมา ซึ่งในบันทึกท่องเที่ยวจังหวัดตาก กล่าวเอาไว้ว่า ศาลพระเจ้าตากแห่งนี้แต่เดิมอยู่บนดอยวัดเขาแก้ว ฝั่งตรงข้ามกับตัวเมืองระแหง (จ.ตาก) ต่อมาในปีพ.ศ.2490 ชาวเมืองตากได้มีความเห็นที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่า ศาลแห่งนี้ไม่สมพระเกียรติของพระองค์ท่าน จึงได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างศาลพระเจ้าตากขึ้นมาใหม่ พร้อมกับให้ทางกรมศิลปากรหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย ในพระอิริยาบถประทับอยู่บนราชอาสน์มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า “พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีทรงพระราชสมภพ เมื่อ พ.ศ.2277 สวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2325 รวม 48 พรรษา”  ตั้งแต่นั้นมา และศาลพระเจ้าตากที่สร้างใหม่แห่งนี้ ก็ได้เป็นที่สักการะของประชาชนทั่วไปตลอดถึงนักท่องเที่ยวต่างๆ ได้เดินมาสักการะขอพรอย่างไม่ขาดสาย และในทุกๆ ปี โดยเฉพาะในช่วงวันสิ้นปีและวันปีใหม่ประชาชนคนเมืองตากก็จะพากันจัดงานเฉลิมฉลอง เป็นความร่วมมือร่วมใจกันทั้งข้าราชการและประชาชนทุกสาขาอาชีพ ถือว่าเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาของคนจังหวัดตากเลยก็ว่าได้ครับ

ท่องเที่ยวต่างแดน

โตนเลสาบ: ทะเลสาบใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้


สำหรับวันนี้พอพักแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยเราเอาไว้ก่อน เพราะมีทีเด็ดที่อยากจะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศท่ามกลางสายน้ำ สายลมและแสงแดด ซึ่งเป็นของเพื่อนบ้านเรานี้เอง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่านี้คือ “โตนเลสาบ” (Tonle Sap) แห่งเมืองกัมพูชา จัดว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้ เป็นทางผ่านของลำน้ำโขงมีระยะทางยาวกว่า 500 กิโลเมตร จากนั้นจะไหลลงสู่ประเทศเวียดนาม ออกไปทางทะเลจีนใต้ต่อไป


โตนเลสาบ (Tonle Sap) อยู่ห่างจากกรุงพนมเปญออกไปประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่มีความลึกถึง 10 เมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 จังหวัด คือ กำปงซะนัง กำปงธม โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมเรียบ อีกทั้งยังเป็นแหล่งชุกชมของปลาน้ำจืดกว่า 300 ชนิด และยังเชื่อกันว่า “ปลาบึก” ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก็เวียนว่ายอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากจะมาสัมผัสทัศนียภาพความงดงามของ “โตนเลสาบ”  แห่งนี้ และอยากจะลิ้มรสเมนูเด็ดที่ทำจากปลาน้ำจืดตัวใหญ่ๆ สดๆ รสชาติอร่อย ก็จะมีบ้านพัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆไว้คอยบริการ หรือจะใช้บริการนั่งเรือชมบรรยากาศของสายน้ำในยามรุ่งอรุณหรือยามใกล้ค่ำก็จะได้บรรยากาศ ที่แสนโรแมนติคกไปอีกแบบ พอตกเย็นหลังตะวันลับฟ้า ก็จะได้พบกับการแสดงสุดอลังการ ของชาวพื้นเมืองกัมพูชา รับรองว่าสนุกสนาน สำราญใจ แถมยังอิ่มอร่อยด้วยเมนูที่ทำจากปลาสด ไร้คอเลสเตอรอลอีกด้วยครับ

  

ท่องเที่ยวจังหวัดตาก

พระตาหวานแห่งเมืองย่างกุ้ง

ท่องเที่ยวจังหวัดตากวันนี้ขอเบรคเอาไว้สักวัน เพราะจะพาข้ามประเทศไปตามกระแสข่าวลือที่ว่า “มีพระตาหวานอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง” ประเทศเมียนม่าร์ เพื่อนบ้านของเรานี่เอง ซึ่งชาวบ้านชาวเมืองเมียนมาร์รวมถึงนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศโดยเฉพาะเพื่อนบ้านอย่างไทยเราต่างเรียกพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์นี้ว่า “พระตาหวาน”  ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร..มาดูกันครับ


พระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ของชาวพม่าที่เราเห็นกันอยู่นี้ มีชื่อเรียกว่า “พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี”  เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ขนาดมหึมา โดยมีความยาวกว่า 70 เมตร และยังจัดว่า เป็นพระนอนที่สวยงามที่สุดและใหญ่ที่สุดของชาวเมียนมาร์อีกด้วย มีพระพักตร์และขนพระเนตรที่ดูงดงาม มีพระเนตรหรือดวงตาเป็นแก้วที่สั่งทำมาเป็นพิเศษนำเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะ รวมไปถึงจีวรที่ห่มพระวรกายสีกรักประดุจแผ่นทอง ยังดูพลิ้วไสวสวยงามสมจริงเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ซึ่งหากเราเดินไปจนถึงปลายพระบาทขององค์พระนอนนี้ จะได้เห็นภาพสลักที่ดูเป็นมิ่งมงคลอย่างสูงสุด อันจะประกอบด้วยลวดลายลักษณะธรรมจักรที่บริเวณกลางฝ่าพระบาท และจะรายล้อมร้อยรูปสลักที่เป็นมงคลกว่า 108 ประการเลยทีเดียวครับ


ส่วนทางด้านหน้าวัดก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆมากมาย หากคุณได้มีโอกาสมาเยือนประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง “เมียนมาร์”  แล้ว ก็อย่างลืมแวะมาเยี่ยมชมความงดงามและนมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย และสุดท้ายก็ขอร่วมอนุโมทนาสำหรับผู้ที่มีโอกาสได้มากราบไหว้ขอพรด้วยก็แล้วกันครับ


พระบรมธาตุบ้านตาก

พระบรมธาตุบ้านตาก พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองตาก

เที่ยวจังหวัดตาก

พระบรมธาตุบ้านตาก ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพสักการะของชาวตาก และคนทั่วไป ซึ่งในแต่ละวันจะมีคณะศรัทธามากราบไหว้นมัสการขอพรอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญพระบรมธาตุบ้านตาก เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีมะเมีย (แทนพระเจดีย์ชเวดากองประเทศพม่า) ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีครับนั่นก็คือ สำหรับผู้ที่เกิดปีมะเมีย ที่ไม่สามารถเดินทางไปนมัสการเจดีย์ชเวดากองที่ประเทศพม่าได้ ก็มานมัสการพระธาตุบ้านตากแทน เพราะพระบรมธาตุบ้านตากเป็นองค์เจดีย์ใหญ่สีทอง รายล้อมด้วยเจดีย์ย่อยคล้ายองค์เจดีย์ชเวดากองของประเทศพม่า สำหรับคนที่เกิดปีมะเมียจึงใช้สักการะหรือนมัสการแทนกันได้

พระบรมธาตุบ้านตาก
การเดินทางไปนมัสการพระบรมธาตุ

จากอำเภอเมืองตากใช้ทางหมายเลข 1107 (สายตาก-บ้านตาก) ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดพระบรมธาตุจะอยู่ทางซ้ายมือครับ


สอบถามรายละเอียดได้ที่: ที่ว่าการอำเภอบ้านตาก โทร. 066 5559 1024, 066 5559 1251 ททท. สำนักงานตาก โทร. 066 5551 4341 - 3

หลวงพ่อทันใจ

หลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำวัดพระบรมธาตุบ้านตาก

เที่ยวจังหวัดตาก

หลวงพ่อทันใจเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของชาวตากและคนทั่วไปมาช้านานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่คณะศรัทธาญาติโยมที่ไปกราบไหว้สักการะ จะไปขอพรก่อนเดินทางหรือไปตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้สำเร็จในหน้าที่การงาน หรือธุรกิจการค้าต่างๆ และที่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ทุกคนที่ไปกราบไหว้ขอพร ล้วนแต่สำเร็จลุล่วง ได้ตามคาดหมายทุกรายไปครับ

หลวงพ่อทันใจ
หลวงพ่อทันใจ

โดยท่านพระครูพิทักษ์บรมธาตุ (พาน) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุบ้านตาก กล่าวถึงประวัติของหลวงพ่อทันใจแห่งวัดพระบรมธาตุบ้านตากว่า ตั้งแต่สมัยที่ท่านเป็นพระลูกวัด พระครูบาตา (อดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อน) ได้ปรึกษากับศรัทธาญาติโยมว่า มีความประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปขึ้นสัก ๑ องค์ และศรัทธาญาติโยมได้พร้อมใจร่วมกันนุ่งขาว ห่มขาว และร่วมกันก่อสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งมีหน้าตัก ๓๒ นิ้ว และลงรักปิดทองคำเปลว จากนั้นได้ทำการประกอบพิธีพุทธาภิเษก ๑ วัน กับ ๑ คืน ก็แล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ ต่อจากนั้นคณะศรัทธาได้พร้อมใจกันตั้งชื่อให้พระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระเจ้าทันใจ ” เพราะร่วมมือร่วมใจกันก่อสร้างได้เสร็จเร็วทันใจ ต่อมามีญาติโยมได้มาตั้งจิตอธิษฐาน ไม่ว่าจะขออะไรก็ได้สมความปรารถนา ทุกสิ่งทุกประการ นับเวลาจากอดีตจนปัจจุบันประมาณ ๒๐๐ กว่าปีมาแล้ว 

การเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อทันใจ

จากอำเภอเมืองตากใช้ทางหมายเลข 1107 (สายตาก-บ้านตาก) ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดพระบรมธาตุจะอยู่ทางซ้ายมือครับ


สอบถามรายละเอียดได้ที่: ที่ว่าการอำเภอบ้านตาก โทร. 066 5559 1024, 066 5559 1251 ททท. สำนักงานตาก โทร. 066 5551 4341 - 3

วัดพระบรมธาตุบ้านตาก

วัดพระบรมธาตุบ้านตาก

เที่ยวจังหวัดตาก
ท่องเที่ยวจังหวัดตากวันนี้ ขอนำเพื่อนๆ เที่ยวชมความศักดิ์สิทธิ์ของวัดที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดตาก ซึ่งตามประวัติความเป็นมาแล้ว มีอายุมากกว่า 200 ปีเลยทีเดียว นั่นก็คือวัดพระบรมธาตุบ้านตากครับ
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก ตั้งอยู่ที่ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก จ.ตาก ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นเมืองตากเก่า ก่อนที่จะมีการย้ายตัวเมืองไปอยู่ที่ตำบลระแหง นั่นก็คือตัวเมืองตากในปัจจุบัน ห่างไปทางทิศใต้ประมาณ ๓๐ กิโลเมตร เป็นวัดที่มีประวัติความอันยาวนานตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ล่องเรือเสด็จไปเมืองลำพูน และหยุดพักบริเวณแห่งนี้ พบว่าเป็นเมืองร้าง จึงได้สั่งให้มีการฟื้นฟูบูรณะเมืองแห่งนี้ จนกลายเป็นชุมชนเมืองตาก
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการปฏิสังขรณ์มาหลายยุคหลายสมัย ตัวอุโบสถมีประตูเป็นไม้แกะสลักที่สวยงาม หน้าบัน และจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันไดเป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่ามีเพดานสูง 2 ชั้น มีช่องลมอยู่โดยรอบ ทำให้อากาศภายในวิหารโล่งโปร่งและเย็นสบายอย่างยิ่ง


ดังที่ปรากฏในศิลาจารึของพ่อขุนรามคำแหง มีเนื้อความตอนหนี่ง ที่พระองค์ทรงกระทำศึกยุทธหัตถี และทรงชนะศึกเจ้าเมืองฉอด บนเนินเขาใกล้กับพระบรมธาตุ ประมาณ ๕๐๐ เมตร

การเดินทาง

จากอำเภอเมืองตากใช้ทางหมายเลข 1107 (สายตาก-บ้านตาก) ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดพระบรมธาตุจะอยู่ทางซ้ายมือครับ

สอบถามรายละเอียดได้ที่: ที่ว่าการอำเภอบ้านตาก โทร. 066 5559 1024, 066 5559 1251 ททท. สำนักงานตาก โทร. 066 5551 4341 - 3

ตรอกบ้านจีน (ชุมชนเก่าแก่กว่า 150 ปี )

ตรอกบ้านจีนจังหวัดตาก ชุมเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี
แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดตาก
ข้อมูลภาพจาก google
ตรอกบ้านจีนเป็นชุมชนเก่าแก่ของจังหวัดตาก ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 150 ปีก่อน พื้นที่บริเวณนี้ถือเป็นจุดขนส่งสินค้าทางน้ำและกระจายสินค้าระหว่างจังหวัดนครสรรค์และจังหวัดเชียงใหม่ จึงทำให้ตรอกบ้านจีนเป็นแหล่งรวมคุณค่าทางวัฒนธรรม อาหารพื้นบ้านและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น
ประวัติตรอกบ้านจีนจังหวัดตาก
ตรอกบ้านจีน ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ทางประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า เมืองระแหง (จังหวัดตาก) ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างเมืองมะละแม่งของพม่ากับอาณาจักรล้านนา ตรอกบ้านจีนถือกำเนิดในปี 2400 และเจริญก้าวหน้าจนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวบ้านได้อพยพจากพื้นที่ ประกอบกับมีการขยายเมืองและถนน ทำให้ตรอกบ้านจีนถูกทิ้งร้างจนถึงปัจจุบัน
วัฒนธรรมท้องถิ่นตรอกบ้านจีนจังหวัดตาก
เนื่องจากตรอกบ้านจีนเป็นแหล่งค้าขายสินค้า ชาวบ้านจึงมักจะยุ่งอยู่กับการค้าขาย เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นวัฒนธรรมของชุมชนจึงมักจะมีความเชื่อมโยงกับชุมชนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม ตรอกบ้านจีนยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์คือ
- เพลงพิศฐาน เป็นการร้องบทเพลงภายในโบสถ์เพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะทำช่วงเดือนเมษายน
- พิธีเลี้ยงผีปู่ย่า เป็นความเชื่อของครอบครัวหนึ่งที่สืบทอดกันมานาน เป็นพิธีเลี้ยงผีบรรพบุรุษ จะทำช่วงหลังสงกรานต์เดือนเมษายน
อาหารประจำท้องถิ่นคนเมืองตาก
- ผัด/หลนเต้าเจี้ยว / แกงถั่วมะแฮะ / แกงฮังเล
- ยาธาตุสูตรโบราณ (ร้านจันทรประสิทธิ์โอสถ)
- ผัดไทยห่อไข่
- ข้าวต้มเมืองตาก
- เมี่ยงคำเมืองตาก และเมี่ยงใบเปรี้ยวใส่ถั่วมะพร้าวคั่ว
สถาปัตยกรรม (ตรอกบ้านจีน .ตาก)
เนื่องจากตรอกบ้านจีนเป็นแหล่งการค้าสำคัญของจังหวัดตาก จึงมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ บ้านพักอาศัยและร้านค้าสำหรับร้านค้าจะมีเติ้น บริเวณหน้าบ้านซึ่งกั้นเป็นพื้นที่ค้าขายและมีบานเฟี้ยม รวมทั้งประตูเข้าสู่ตัวบ้านที่แยกออกต่างหาก เช่น บ้านคุณยายมิ้ม
สำหรับตระกูลที่ร่ำรวยจะนำช่างฝีมือมาจากจังหวัดอื่นๆ จึงทำให้ลักษณะของบ้านที่พักอาศัยมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น บ้านตระกูลโสภโณดร (บ้านทรงขนมปังขิง) และบ้านหลวงบริรักษ์ประชากรหรือบ้านจีนทองอยู่ต้นตำนานบ้านจีน (บ้านทรงไทยเรือนแฝดติดกัน)
สถานที่สำคัญ (ตรอกบ้านจีน .ตาก)
สถานที่สำคัญที่โดดเด่น และน่าสนใจในตรอกบ้านจีน เช่น เสาสูง บ้านตระกูลทองมา บ้านตระกูลไชยนันท์ บ้านตระกูลคอวนิช บ้านดนตรีไทย (ตระกูลอยู่สวัสดิ์) บ้านขุนวัชรพุกก์ บ้านไม้พาย บ้านเต้าเจี้ยว บ้านสุประกอบ เวทีวัฒนธรรม และวัดสีตลาราม
ที่มา: สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตาก